วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อย่ายุ่งกับเม่นขี้หวง

 

อย่ายุ่งกับเม่นขี้หวง

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม 2554 เวลา 00:00 น.

อย่างในคลิปภาพเจ้าเม่นเห็นแก่กินแถมยังขี้หงุดหงิดที่ชื่อว่า "เท็ดดี้ แบร์" ที่กำลังแทะฝักข้าวโพดอย่างเมามัน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่สวนสัตว์พยายามจะดึงฝักข้าวโพดออกมาจากปาก มันก็ทำเสียงเหมือนคนอารมณ์บูดกำลังบ่นงึมงำๆ ดูทั้งตลกและแปลกประหลาด ใครรู้บ้างว่าเจ้าเท็ดดี้แบร์บ่นว่าอะไร?

ทีมเดลินิวส์ ออนไลน์

"บ้านเรือ" แคชเมียร์...วิมานบนดิน

 "บ้านเรือ" แคชเมียร์...วิมานบนดิน
 

บ้านเรือ วิมานบนดินแห่งแคชเมียร์.

Paradise On Earth...!!!

นักท่องเที่ยวในช่วงต้น คริสต์ศตวรรษที่ 20 มีบันทึกว่า...ขณะที่ ชีวิตยังมีลมหายใจความสุขบนพื้นพิภพในนี้ 1 ใน 50 อย่างที่ควรทำ คือเดินทางสู่ทะเลสาบดาล (Dal lake) แห่งแคว้นแคชเมียร์....แล้ว พักนอนใน House Boats...!!!

...House Boats อันเป็น วิมานบนดิน เกิดขึ้นในยุค ควีนส์วิคตอเรีย ซึ่งอังกฤษได้เข้ามา ครอบครองอินเดีย จึงพากันเข้ามาปักหลักโกยกอบทรัพยากรจากอาณานิคม โดยรุกจากพื้นที่ส่วนใต้ขึ้นไปจดเหนือ กระทั่งถึง แคว้นจัมมูแคชเมียร์ (JUMMU & KASHMIR) ติดกับเทือกเขาหิมาลัย

ตลาดน้ำซึ่งนำสินค้านานาชนิดมาขาย.


ความสวยงามของธรรมชาติ ได้เป็นที่หมายตาของชนชาวยุโรปที่จะเข้าเปิดบริสุทธิ์ แต่ มหาราชาโมกุล (กษัตริย์ผู้สร้างทัชมาฮาล) ได้ตั้งกฎเข้มว่า...แม้อังกฤษจะมีอำนาจเหนืออย่างไรก็ไม่อาจให้ใช้สิทธิถือ ครองที่ดินผืนนี้ ได้...!!!

นักล่าอาณานิคม จึงเลี่ยง โดยนำไม้สนซีดาร สร้างเป็นเรือ มี เอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมตามแบบของอังกฤษ แกะสลักลวดลายสวยงาม พร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ กับการใช้ชีวิตให้เสมือนอยู่ในคฤหาสน์หรูๆทั่วๆไป รังสรรค์ เป็นบ้านลอยน้ำ หรือ House Boats จึงรายเรียงตามริมทะเลสาบ...นับพันๆลำ กลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่

หลังอินเดียถูกปลดปล่อยให้เป็นเอกราช ...House Boats เหล่านี้จึงตกเป็นของรัฐ ด้วยความยาวนานแห่งคาบเวลา บางลำก็ชำรุดทรุดโทรมไปบ้างเป็นธรรมดา ปัจจุบันคงเหลือพอใช้ประโยชน์ได้ราวๆ 800 ลำเท่านั้น...ต่อมาได้เปลี่ยนถ่ายมาเป็นของเอกชน จึง ปรับเป็นที่พักรองรับนักท่องเที่ยว

ความสุขภายห้องรับแขกบนเรือ.


.... แม้ว่าจะผ่านกาลเวลามายาวนาน House Boats ก็ยังคงเสน่ห์ท้าทายนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้เข้าไปเยือน ก่อนที่ฤดูหนาวจะเข้ามาเยือน สื่อมวลชนจากเมืองไทยกลุ่มหนึ่งจึงเจาะโอกาสเข้าไปสัมผัสวิมานบนดินแห่งนี้ ให้ถึงก้นบึ้ง โดยมอบหมายให้ นางสาวมินท์มันตา พานทอง แห่ง NISCO TRAVEL เป็นมัคคุเทศก์

...เมื่อเครื่อง IndiGo Airline ร่อนลงรันเวย์ ศรีนาคา (เมืองหลวง KASHMIR) จะถูกต้อนรับสลายความเหน็บหนาวด้วยเพลง Kashmari Floe Song จากนักดนตรีพื้นเมืองก่อนไป House Boats โดย เรือซาคารา อย่างสดสวยเสมือนกับ นั่งอยู่บนวิมานลอย ไปกับสายน้ำ

เรือซาคาราบริการจากฝั่งถึงฝั่ง.


House Boats แต่ละลำจะแบ่งสัดส่วน มีระเบียง ห้องรับแขก ห้องอาหารและเตรียมอาหาร ส่วนห้องนอนแต่ละห้องมีห้องน้ำในตัว ลำหนึ่งจะมี 2 ถึง 4 ห้อง รองรับตามความเหมาะสม ในระดับโรงแรม 4 ดาว โดยมีเจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง...เพื่อสร้าง Luxuriate ให้กับผู้มาเยือน...

โรงแรมลอย น้ำแห่งนี้อยู่กับชุมชนเมือง แต่ก็เป็นสัดส่วนของธรรมชาติที่ถูกอนุรักษ์ไว้ในสภาพคล้ายกับยังไม่เปิด บริสุทธิ์ ก่อนรุ่งตั้งแต่ 4 นาฬิกา นก Wild Duck ซึ่งหนีร้อนจากรัสเซีย จะมาปลุกด้วยการออกมาหากินบนผืนน้ำ (รัฐฯ อนุญาตให้ล่าสัตว์เหล่านี้ได้ นักท่องเที่ยวบางกลุ่มจึงซื้อปืนเพื่อยิงนกตกปลากันในช่วงเดือนธันวาคมถึง มีนาคม)

น้ำแข็งเริ่มละลายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ.


พอ....พระอาทิตย์เริ่มทอแสง กองเรือซาคารา บรรทุกสินค้าพื้นเมือง อย่างหลายหลาก ตั้งแต่ดอกไม้ เครื่องหัตถกรรม พรม พัชมีนา ( Pashmina) ผ้าแคชเมียร์อันลือชื่อ เพชร พลอย นิล มรกต จินดา ฯลฯ มาขายถึงชานระเบียงที่พักเป็น Floating Market สร้างความสุขที่สัมผัสได้ในอีกรูปแบบหนึ่งทั้งเช้าและเย็น ก็ ถือว่าบรรลุ แต่ ยังไม่ถึงไคลแมกซ์.....เพราะศรีนาคานั้นอุดมด้วยทรัพยากรท่องเที่ยวโดยรอบ ทั้ง 8 ทิศ

Gateway to Ladkh...คือ โซนามาร์ค ใน หุบเขาซิน ช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมี น้ำตกจากธารน้ำแข็ง แห่งเทือกเขา ทาจิวาส กับภาพเคลื่อนไหวอย่างช้าๆของธารน้ำแข็งที่ค่อยๆจะละลายหลุดออกมาเป็นก้อนๆ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง กลิ้งจากบนลงสู่เบื้อง ล่าง ใครได้สัมผัสแล้วจะต้องบันทึกไว้ในความทรงจำ....อัน ยากที่จะลืม!!!

ธารน้ำจากการละลายของน้ำแข็ง.


The Meadow of Flower หรือ ทุ่งหญ้าแห่งดอกไม้ ใน กุลมาร์ค สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,730 เมตร ต้องใช้ม้าและเคเบิลคาร์จึงจะได้สัมผัสทิวทัศน์รอบข้างกับเทือกเขาสลับซับ ซ้อนซึ่งมีหิมะปกคลุมแต่ละยอด และบนพื้นที่แห่งนี้มี สนามกอล์ฟ 18 หลุม ถือว่าเป็น สนามกอล์ฟสูงที่สุดในโลก

อิ่มเอิบกับสวรรค์บนดินแล้วก็ ร่ำลากันด้วย พาฮาลแกม (Pahalgam) ในหุบเขา อารู จุดบรรจบของแม่น้ำลิดเดอร์ กับ ทะเลสาบเซซนาก ซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดกับ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ใช่เฉพาะอินเดียเท่านั้น หลายๆประเทศก็มาใช้สถานที่แห่งนี้เป็นฉากในโลกเซลูลอย...

พาหนะที่รอบริการนักท่องเที่ยวให้ขึ้นสัมผัสธรรมชาติ.


แม้วัน นั้น...จะไม่มี การถ่ายทำภาพยนตร์ แต่การไปยืนอยู่บนพิกัดก็ถือว่าได้ย่ำเหยียบทับบนรอยเท้า ระดับ Super Star ของโลกหลายดวง ก่อนที่พวกเราจะกล่าวคำว่า.......KASHMIR...KHUDA  HAFIZ  (Goodbye)!!!

 


 
 
ที่มา : www.thairath.co.th
วันที่ 10 Dec 2011 - 05:00 
 
อ่านข่าวสารผ่านมือถือ http://m.cannot.info

สนง.ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนฯ วอนไทยแก้ไข ม.112 กิจกรรมเคลื่อนไหวกรณี "อากง" เกิดต่อเนื่อง 9-10 ธ.ค.

สนง.ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนฯ วอนไทยแก้ไข ม.112 กิจกรรมเคลื่อนไหวกรณี "อากง" เกิดต่อเนื่อง 9-10 ธ.ค.

วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 22:12:12 น.

Share




เว็บไซต์ประชาไทยรายงานว่าเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ราวินา แชมดาซานิ (Ravina Shamdasani) รักษาการโฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Office of the High Commissioner for Human Rights - OHCHR) ได้แถลงข่าวเรียกร้องให้ทางการไทยแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เนื่องจากมองว่ากฎหมายดังกล่าวส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน


การแถลงดังกล่าวมีเนื้อหาว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรทางการด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เป็นกังวลต่อการพิจารณาคดีและการลงโทษที่ร้ายแรงด้วยกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันในประเทศไทย และผลกระทบที่สร้างความหวาดกลัวที่มีต่อเสรีภาพในการแสดงออกภายในประเทศ


แชมดาซานิ ระบุว่า บทลงโทษที่ร้ายแรงที่เป็นอยู่ เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นและยังเกินกว่าเหตุ อีกทั้งเป็นการละเมิดหลักกฎหมายสากลที่ประเทศไทยมีพันธะผูกพันในทางระหว่างประเทศด้วย


"เราขอเรียกร้องให้ทางการไทยแก้ไขกฎหมายมาตราดังกล่าว ในขณะเดียวกันก็ควรมีการกำหนดแนวทางการดำเนินการให้แก่ตำรวจและอัยการ เพื่อยุติการจับกุมและดำเนินคดีบุคคลด้วยกฎหมายดังกล่าวที่มีความคลุมเครือ และนอกจากบทลงโทษอย่างเกินกว่าเหตุแล้ว เรายังกังวลต่อการคุมขังผู้ต้องหาซึ่งมีระยะเวลานานต่อเนื่องในช่วงก่อนการไต่สวนคดีด้วย"  ตัวแทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ กล่าว


เว็บไซต์ประชาไทรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 ธันวาคม ที่บริเวณบาทวิถีหน้าศาลอาญา รัชดา ได้มีกลุ่มคนแต่งชุดดำจำนวนกว่า 112 คน นำโดยเครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และประชาชนทั่วไป ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมชื่อ "เราคืออากง" โดยมีจุดเริ่มต้นจากกรณีนายอำพล (ขอสงวนนามสกุล) วัย 61 ปี โดนพิพากษาจำคุก 20 ปี จาก"คดีอากง SMS"


ผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์รายงานว่า ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ จะมีการจัดกิจกรรม "อภยยาตรา" โดยผู้เข้าร่วมจะเดินรณรงค์กรณีคดีอากง, นักโทษการเมือง และนักโทษ ม.112 จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังสี่แยกราชประสงค์


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323443387&grpid=no&catid=03&subcatid=0305