วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

วันเสาร์ 12 กุมภาพันธ์ 2554 13:00-14:30 น. ณ งานสถาปนิก 54 ห้องจูปิเตอร์ 4-7 อิมแพ็คเมืองทองธานี

12 กุมภาพันธ์ · 13:00 - 14:30
ห้องจูปิเตอร์ 4-7 อิมแพ็คเมืองทองธานี
กะดีจีน : คนละมือ-คนละไม้-คนละมัด KADEEJEEN : HAND-TO-HAND
สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอเชิญทุกท่านร่วมการเสวนาระหว่าง
ผู้นำสามศาสนา / ชาวชุมชน / ภาคเอกชน / ภาครัฐท้องถิ่น / อาสาสมัคร / ภาคีต่างๆ
ถึงประสบการณ์และก้าวต่อไปในการร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูย่านกะดีจีน
พร้อมชมนิทรรศการ "กะดีจีน : 6 ชุมชน 4 ความเชื่อ 108 ตรอกวัฒนธรรม"
...วันเสาร์ 12 กุมภาพันธ์ 2554 13:00-14:30 น.
ณ งานสถาปนิก 54 ห้องจูปิเตอร์ 4-7 อิมแพ็คเมืองทองธานี


5 กุมภาพันธ์ · 13:00 - 17:30 โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ถ.นนทรี กรุงเทพมหานคร

5 กุมภาพันธ์ · 13:00 - 17:30
โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ถ.นนทรี กรุงเทพมหานคร
สนใจเรียนประเมินค่าทรัพย์สิน รุ่นที่ 14 หลักสูตรประกาศนียบัตร รับรองโดยกระทรวงศึกษาธิการ สมัครด่วนครับ เปิดฟังรายละเอียดหลักสูตร 5 กพ. 2554 พร้อมเสวนาเทคนิคการประเมินเพื่อการลงทุนฟรี

ฟรี! เสวนาพิเศษ: เทคนิคการประเมินค่าทรัพย์สินเพื่อการลงทุน
+ ชี้แจงหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ การประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ รุ่นที่ 14
วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 13:00 - 17:30 น. ณ โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ถ.นนทรี กรุงเทพมหานคร
...
โปรดติดต่อ คุณปิยะดา เงาภู่ทอง โทร. 0.2295.2294 Email: info@trebs.ac.th หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนออนไลน์ที่: http://www.trebs.ac.th/Thai/SUMMARY/seminars_special.php

กำหนดการ
12:30 ลงทะเบียน - รับเอกสาร
13:00 เปิดการเสวนา / สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์กับการประเมินค่าทรัพย์สิน
ดร.โสภณ พรโชคชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย

13:30 ความต้องการนักวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินในวงการอสังหาริมทรัพย์
ศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา/กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย
ผศ.อัศวิน พิชญโยธิน ประธานที่ปรึกษา โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย
คุณทรงเดช ดารามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายประเมินราคาหลักทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์
นพ.สมศักดิ์ มุนีพีระกุล นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
อ.อติณัช ชาญบรรยง รองผู้อำนวยการ โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย

14:45 การชี้แจงหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพการประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์
ดร.โสภณ พรโชคชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย

15:15 ประสบการณ์และความเห็นของผู้ผ่านการอบรม
คุณชนิดา วงษ์ช่างหล่อ ผู้จัดการ บจก.เอไอพร็อพเพอร์ตี้เซอร์วิสแอนด์แมนเนจเม้นท์ (รุ่น 11)
คุณภักดี กาญจนาวลัย กรรมการ บจก.วิภาวดีเรียลเอสเตท (รุ่น 12)
คุณสามารถ เฟื่องงาม ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายปฏิบัติการเครดิต บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (รุ่น 13)
อ.อติณัช ชาญบรรยง รองผู้อำนวยการ โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย

15:45 พัก-รับประทานเครื่องดื่ม-เครื่องเคียง
16:30 ปาฐกถาพิเศษ: เทคนิคการประเมินค่าทรัพย์สินเพื่อการลงทุน+การวิเคราะห์ทำเล
คุณวสันต์ คงจันทร์ กรรมการบริหาร โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย

17:30 ปิดการเสวนา
* วิทยากรอยู่ระหว่างเรียนเชิ

โปรดติดต่อ คุณปิยะดา เงาภู่ทอง โทร. 0.2295.2294 Email: info@trebs.ac.th หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนออนไลน์ที่: http://www.trebs.ac.th/Thai/SUMMARY/seminars_special.php

มาเรียนประเมินค่าทรัพย์สินกับเราที่โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย
โปรดอ่านเกี่ยวกับ "สอนจากประสบการณ์ตรง"
http://www.trebs.ac.th/PDF/TREBS_sheet.pdf

ดูบรรยากาศการดูงานของรุ่นก่อนหน้า (รุ่นที่ 13) ที่
http://www.facebook.com/album.php?aid=85352&id=1105899523&l=4d69c8b258
ดูเพิ่มเติม


วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

วันเสาร์ที่ 22 มกราคม 2554 13.00-17.00 น. ชั้น 2 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

เชิญเข้าร่วมเวิร์คชอประบายสี

"ที่วางตะเกียบ" และชมการสาธิตงานปั้นร่วมสมัย

ส่วนหนึ่งของกิจกรรมในนิทรรศการ Contemporary Japanese Crafts (14 มกราคม – 13 กุมภาพันธ์ 2554)


วันที่:                      วันอาทิตย์ที่ 16 และวันเสาร์ที่ 22 มกราคม 2554 (13.00-17.00 น.)

สถานที่:                  ชั้น 2 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

เจแปนฟาวน์เดชั่นขอเชิญผู้สนใจชมนิทรรศการงานหัตถกรรมญี่ปุ่นร่วมสมัย ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และร่วมสนุกกับการทำเวิร์คชอประบายสี "ที่วางตะเกียบ" แบบญี่ปุ่น และชมการสาธิตการปั้น โดยศิลปินชาวญี่ปุ่น คุณคาซึมิ คาตากิริ และคุณเคียวโกะ อาเบะ ในวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม และวันเสาร์ที่ 22 มกราคม 2554 บริเวณ ชั้น 2 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

สาธิตงานปั้น โดยศิลปินเซรามิคชาวญี่ปุ่น คุณคาซึมิ คาตากิริ
สาธิต 3 รอบ ในเวลา 13.30 / 15.00 / 16.30 น. (20-30 นาที )

·         เวิร์คชอป "มาทำที่วางตะเกียบของตัวเองกันเถอะ!" โดยศิลปินชาวญี่ปุ่น คุณเคียวโกะ อาเบะ และคุณคาซึมิ คาตากิริ

ตั้งแต่เวลา 13.00 – 17.00 น.

ที่วางตะเกียบ (ฮาชิโอกิ) เป็นอุปกรณ์บนโต๊ะอาหารที่ใช้กันทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น ใช้เพื่อวางปลายตะเกียบไม่ให้สัมผัสกับโต๊ะอาหาร ปรกติแล้วที่วางตะเกียบมีรูปทรงที่หลากหลายและมักจะทำมาจากดินเผา ไม้ แก้ว พอร์เซเลน ฯลฯ

เชิญร่วมทดลองทำที่วางตะเกียบในสไตล์ของตัวเอง โดยระบายสีลงบนที่วางตะเกียบดินเผาซึ่งทำโดยศิลปินเซรามิคชาวญี่ปุ่น คุณคาซึมิ คาตากิริ และศิลปินชาวญี่ปุ่น คุณเคียวโกะ อาเบะจะคอยให้คำแนะนำอย่างเป็นกันเองเพื่อให้คุณได้ทดลองสร้างสรรค์ที่วางตะเกียบแบบเฉพาะตัว


ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และไม่ต้องสำรองที่ล่วงหน้า

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-260-8560~4 (เจแปนฟาวน์เดชั่นกรุงเทพ)     
Website: www.jfbkk.or.th


Japanese Contemporary Crafts - Live Performance and Workshop

Date:               Sunday 16th and Saturday 22nd January 2011

Venue:            2nd floor, Bangkok Art and Culture Centre


Along with the exhibition "Contemporary Japanese Crafts", the Japan Foundation and Bangkok Art and Culture Centre are pleased to invite you to participate in a Live Performance and Workshop by two Japanese artists, Ms. Kasumi Katagiri and Ms. Kyoko Abe on Sunday 16th and Saturday 22nd January 2011 at Bangkok Art and Culture Centre.


Live Performance of the Japanese Pottery Wheel by Ms. Kasumi Katagiri, a ceramic artist
3 performances/day - 1.30 p.m. / 3.00 p.m. / 4.30 p.m.   (20-30 minutes for each performance)


Workshop "Let's make a hand-crafted chopstick rest!" by the Japanese artists, Ms. Kyoko Abe and Ms. Kasumi Katagiri
From 1.00 – 5.00 p.m.


A chopstick rest (hashioki) is an important piece of tableware commonly used in Japan to keep the eating surface (the tips) of chopsticks off the table (similar to a spoon rest). They come in various shapes and are usually made from clay, wood, glass, porcelain and other materials

You can make your own unique chopstick rest, by painting hand-crafted clay ware created by Ms. Kasumi Katagiri. The artist/instructor Kyoko Abe will guide you in the creative use of porcelain paints. 200 chopstick rests are available each day!
  

* Free of Charge / No reservation required.



For more information, please call 02-2260-8560~3 (the Japan Foundation, Bangkok).




วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

THE DIGITAL STORY OF NATIVITY - ( or Christmas 2.0 )


To see other great viral videos visit my facebook page: http://www.facebook.com/viral.videos.nr1

Twitter: http://twitter.com/Viral_VideosNr1

How social media, web and mobile tell the story of the Nativity.
Christmas story told through Facebook, Twitter, YouTube, Google, Wikipedia, Google Maps, GMail, Foursquare, Amazon...

Times change, the feeling remains the same.

http://www.excentric.pt | http://www.facebook.com/ExcentricPT

วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

โปรแกรมอบรมภาวนาแด่ผุ้ล่วงลับ (ไม่มีค่าใช้จ่าย)


จาก: โสภา ธมโชติพงศ์ <thom.sopa@gmail.com>
วันที่: 13 มกราคม 2554, 17:09
หัวเรื่อง: โปรแกรมอบรมภาวนาแด่ผุ้ล่วงลับ (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
ถึง:
เรียนครูดลเพื่อนๆ ผู้ใฝ่ธรรม
 ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เพื่อเชิญชวนฟังการบรรยาย จากท่าน Swami Veda Bharati เจ้าสำนักโยคะและสมาธิที่ เมืองฤาสีเกศ วันที่ 29 มค ที่จะถึงนี้ที่สมาคมธรรมศาสตร
 
ขอให้เจริญในธรรม
 
โสภา

เรียนกัลยาณมิตรทุกท่าน
ดลรบกวนฝากประชาสัมพันธ์โปรแกรมอบรมภาวนานี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
--
ดล
ธนวัชร์ เกตน์วิมุต

ชีวิตสิกขา : เครือข่ายเพื่อการเรียนรู้และเข้าใจชีวิต
www.jivit.net
159/70 ซ.วิภาวดีรังสิต 62 ถ.วิภาวดีรังสิต
หลักสี่ กทม. 10210
โทรศัพท์ 089-678-1669, 089-899-0094
แฟกซ์ 02-900-5429





--
ดล
ธนวัชร์ เกตน์วิมุต

ชีวิตสิกขา : เครือข่ายเพื่อการเรียนรู้และเข้าใจชีวิต
www.jivit.net
159/70 ซ.วิภาวดีรังสิต 62 ถ.วิภาวดีรังสิต
หลักสี่ กทม. 10210
โทรศัพท์ 089-678-1669, 089-899-0094
แฟกซ์ 02-900-5429






วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

'นับจากนี้อีก 50 ปีโลกจะแตก คนไทยจะสูญพันธุ์...' ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา

'นับจากนี้อีก 50 ปีโลกจะแตก คนไทยจะสูญพันธุ์…' ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา

Pic_124923

ไม่ เฉพาะในประเทศไทย หากดูข้อมูลย้อนหลัง 2010 ถือว่าเป็นปีแห่งภัยพิบัติของโลกอย่างแท้จริง สิ่งที่หลายคนสงสัยอยู่ที่ว่า ถ้าโลกพูดได้ เขากำลังจะสื่อสารอะไรกับมนุษย์หรือเปล่า…? ถ้าคุณเชื่อเรื่องธรรมชาติมีชีวิต เชื่อเรื่องกฎการคัดสรรของธรรมชาติ เชื่อหนังฮอลีวูดที่ผลิตกรอกหูซ้ำๆ ว่าวันหนึ่งโลกจะแตก และเชื่อว่าวันหนึ่งประเทศไทยจะไม่มีอยู่บนแผนที่โลก ฯลฯ นี่คือสิ่งที่คุณต้องอ่านก่อนตาย... !!

2010 คำพูดจากโลก ถึง มนุษย์ผู้ทำลาย

ไทย รัฐออนไลน์ลองค้นข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับภัยพิบัติอันเกิดจากธรรมชาติพิโรธ (มนุษย์โลก) แล้ว พบข้อมูลที่น่าตกใจเพราะที่ผ่านมา โดยเฉพาะปี 2010 เหตุการณ์ที่ว่าได้เกิดขึ้นอย่างมากมาย

*เปิดศักราชใหม่วันที่ 12 มกราคม 2553 เกิดแผ่นดินไหวที่ "เฮติ"​ ขนาด 7.0 ริกเตอร์ สร้างความเสียหายมากมายมหาศาล โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากกรุงปอร์โตแปรงซ์เมืองหลวงของประเทศเฮติ ทั้งนี้ ได้มีการประมาณว่า มีผู้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้มากกว่า 3 ล้านคน รัฐบาลเฮติรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเกือบ 3 แสนคน ผู้บาดเจ็บอีกกว่า 3 แสนคน และอีกกว่า 1 ล้านคนยังไม่มีที่อยู่อาศัย

* เดือนต่อมาในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.8 ริกเตอร์ที่นอกชายฝั่งแคว้นเมาเลประเทศชิลี จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายของทรัพย์สินชนิด "ราบพนาสูญ"​ที่น่าตกใจกว่าความเสียหายซึ่งมากมายมหาศาลแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้แกนโลกเอียงไปจากตำแหน่งเดิม 3 นิ้วส่งผลให้ระยะเวลาสั้นลงไป 1.26 ไมโครวินาที (1ไมโครวินาที เท่ากับ 1 ในล้านวินาที) เลยทีเดียว

* วันที่ 8   มีนาคม 2553 เกิดพายุทำให้เกิดฝนตกหนักในนครเมลเบิร์น วัดระดับน้ำฝนได้ 26 มิลลิเมตร พื้นที่อื่นวัดระดับน้ำฝนได้สูงถึง 70 มิลลิเมตร นอกจากนี้ ยังมีลูกเห็บยักษ์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 4 นิ้ว หรือเท่ากับลูกเทนนิส มีประชาชนแจ้งขอรับความช่วยเหลือมากกว่า 4,000 คน 

* วันที่ 20 มีนาคม 2553 เกิดการปะทุของภูเขาไฟชื่อดังในไอซ์แลนด์ จริงๆ แผ่นดินไหวได้เริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2552 ในครั้งนี้ ซึ่งมีการจัดดัชนีการระเบิดของภูเขาไฟอยู่ที่ระดับ 1 การปะทุครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมาและได้รบกวนการจราจรทางอากาศในทวีปยุโรปมหาศาล ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารนับล้านๆ คน

* ทิ้งท้ายกับภัยธรรมชาติในวันที่ 31 มีนาคม 2553 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในอ่าวเบงกอล วัดขนาดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.8 ริคเตอร์ที่หมู่เกาะอันดามันแอนด์ นิโคบาร์ ในอ่าวเบงกอล

* เดือนถัดมาเรียกว่าภัยธรรมชาติหายใจรดต้นคอโลกใบนี้ราวกับโกรธแค้น วันที่ 7 เมษายน 2553 เมื่อเวลา 05.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ขณะที่คนกำลังหลับใหลเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย มีความรุนแรง 7.8 ริกเตอร์ ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหลังจากนั้นเกิดคลื่นสึนามิ สูง 1.5 ซม.ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นคลื่นขนาดเล็ก

* อีก 1 อาทิตย์ถัดมา เกิดภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งตอนใต้ของเกาะไอซ์แลนด์ระเบิดปะทุขึ้นฟ้าสูงถึง 8 กิโลเมตร ฝุ่นขี้เถ้าลอยสูงกว่า 6 พันเมตร และฟุ้งกระจายไปทั่วประเทศ และหลายประเทศในยุโรปตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.เป็นต้นมา กลุ่มควันและเถ้าละอองปลิวฟุ้งขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อให้เกิดอันตรายกับเครื่อง ยนต์ไอพ่นของเครื่องบินโดยสารเที่ยวบินในภูมิภาคยุโรปต้องยกเลิกเที่ยวบิน สร้างความโกลาหลอย่างมากมาย

* ในวันเดียวกันที่ประเทศจีนเกิดแผ่นดินไหวซ้ำอีก  มีความรุนแรง 6.9 หรือ 7.1 ริกเตอร์ บริเวณเขตปกครองตนเองยูซู มณฑลชิงไห่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเวลา 07.49 น. (ตามเวลาในท้องถิ่น) สำนักข่าวซินหัวของประเทศจีน รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 2,220 ราย สูญหาย 70 ราย และบาดเจ็บ 12,135 ราย ซึ่งในที่นี้บาดเจ็บสาหัสเกือบ 2 พันราย

* เหตุการณ์โลกพิโรธต่อมาเกิดขึ้นวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 พายุทอร์นาโด และพายุลูกเห็บที่เมืองซุ่ยหัว ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฮาร์บินประมาณ 120 กิโลเมตร ในมณฑลเฮยหลงเจียง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บมากมาย

* วันที่ 1 มิถุนายน 2553 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ริกเตอร์ที่นอกหมู่เกาะอันดามันของอินเดียที่ระดับความลึก 127 กิโลเมตร และมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวห่างประมาณ 120 กิโลเมตร จากเมืองพอร์ตแบลร์ของหมู่เกาะอันดามัน

* วันที่ 5 มิถุนายน 2553 เกิดพายุทอร์นาโดพัดถล่มทางภาคตะวันตกด้านกลางของสหรัฐอเมริกา

* วันที่ 7 มิถุนายน 2553 ภูเขาไฟระเบิดที่ประเทศคู่แค้นกับอเมริกา "รัสเซีย" และมีรายงานข่าวภูเขาไฟระเบิดอย่างต่อเนื่องมากถึง 3 ครั้งต่อชั่วโมงที่ประเทศเอควาดอร์

* วันที่ 9 มิถุนายน 2553 เกิดแผ่นดินไหวขนาดเกือบ 6 ริกเตอร์ ที่บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ นอกจากนั้นยังเกิดแผ่นดินไหวที่เกาะวาเนาตู (Vanautu) ขนาด 6.0 ริกเตอร์อีกต่างหาก

* วันที่ 10 มิถุนายน 2553 เกิดน้ำท่วมขนาดใหญ่ที่รัฐเท็กซัส ของมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา

* วันที่ 12 มิถุนายน 2553 ราวตี 1 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.5 ริกเตอร์ ที่นอกชายฝั่งประเทศอินเดีย ซึ่งห่างจากซีกตะวันตกของหมู่เกาะนิโคบาร์ไปประมาณ 150 กิโลเมตรที่ความลึก 35 กิโลเมตร 

* วันที่ 13 มิถุนายน 2553 เหตุภัยพิบัติพายุฝน และดินถล่มทางตอนใต้ของประเทศจีน ซึ่งได้คร่าชีวิตชาวจีนไปจำนวนหนึ่ง สำหรับมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นเงินประมาณ 43,000 ล้านหยวน และมีผู้อพยพกว่าเกือบ 3 ล้านคน

* วันที่ 16 มิถุนายน 2553 เกิดเหตุแผ่นดินไหวบริเวณเกาะไบแอ็ก (Biak) อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะปาปัว วัดความสั่นสะเทือนได้ 6.2 ริกเตอร์

* วันที่ 18 มิถุนายน 2553 ประเทศจีนเกิดน้ำท่วมและแผ่นดินถล่มฉับพลันในพื้นที่ 74 เมือง ของ 6 มณฑล ประมาณการณ์ว่าประชาชนกว่า 2.56 ล้านคนได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้

* เดือนกรกฎาคม วันที่ 14 เกิดเหตุน้ำท่วม และดินถล่มจากฝนตกหนักทางภาคใต้ของจีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 400 คน

* วันเดียวกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวอินโดนีเซียขนาด 5.6 ริกเตอร์ 

* 2 วันถัดมา หรือ วันที่ 16 กรกฎาคม 2553 เกิดพายุโซนร้อน "โกนเซิน" (Conson) ณ บริเวณทะเลจีนใต้ มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 600 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม

* ปลายเดือนกรกฎาคมจนถึงราวต้นเดือนกันยายน 2553 เกิดไฟป่าในรัสเซียนับหลายร้อยแห่ง เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมาในประวัติศาสตร์รัสเซีย และความแห้งแล้งในภูมิภาค มีการประมาณผู้เสียจริงอาจสูงถึง 8,000 คน

* สิงหาคม เริ่มต้นด้วยความเศร้าอีกครั้งในวันที่ 1 สิงหาคม 2553 ได้เกิดอุทกภัยรุนแรงทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน จากผลพวงของพายุฤดูร้อน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 ราย

* 8 สิงหาคม 2553 เกิดอุทกภัย และแผ่นดินถล่มที่จีน เนื่องมาจากฝนตกหนัก ที่เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 127 คน สูญหายอีก กว่า 1,300 คน

* 7 วันถัดมาเกิดเหตุไฟป่าในโบลิเวียเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินเนื่องจากพบว่ามีไฟป่าเกิดขึ้นมากกว่า 25,000 จุดทั่วประเทศ ไฟป่าได้ผลาญทำลายบ้านเรือนไปเกือบ 60 หลังคาเรือน

* 6 กันยายน 2553 โคลนถล่มกัวเตมาลา พบผู้เสียชีวิตและสูญหายพุ่งเกินกว่า 100 ราย

* มาถึงคิวประเทศไทย วันที่ 10-30 ตุลาคม 2553 เกิดอุทกภัยในประเทศไทย เป็นเหตุการณ์การเกิดน้ำท่วมในประเทศไทยหนักที่สุดในรอบหลายสิบปี ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักทั้งชีวิตและทรัพย์สินในหลายพื้นที่แบบที่ หลายคนยังประเมินความเสียหายไม่ได้

* 25 ตุลาคม 2553 แผ่นดินไหวที่อินโดนีเซีย ขนาดความรุนแรง 7.7 ริกเตอร์

* 26 ตุลาคม 2553 ภูเขาไฟเมราปี (Merapi) ระเบิดซ้ำที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีรัศมีการกระจายของขี้เถ้าขยายเป็นวงกว้างประมาณ 2-4 กิโลเมตร

* 27 ตุลาคม 2553 สึนามิถล่มซ้ำที่หมู่เกาะ เมนตาไว ประเทศอินโดนีเซีย ความรุนแรงถึง 7.2 ริกเตอร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 108 คน และสูญหายราว 500 คน

* 1 พฤศจิกายน 2553 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ความเสียหายของประเทศไทย กับการเดินทางผ่านของพายุดีเปรสชั่นถล่มภาคใต้ ฯลฯ

อย่างไรก็ดี ภาพช่วงเวลาเหตุการณ์โลกพิโรธส่วนหนึ่งที่กำลังร้อยเรียงอยู่นี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าทำให้เรานึกภาพว่า ภาพยนตร์ดังเกี่ยวกับภัยพิบัติล้างโลกจากฝีมือผู้กำกับฮอลลีวูดที่พวกเขา สร้างขึ้นมาซ้ำๆ มันไม่
ใช่เรื่องที่เกินจินตนาการ หรือเป็นเพียงความสนุกในครัวเรือนซะแล้ว...!!!


ถอดรหัส 2010 วันสิ้นโลก

ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไขปริศนา "โลกเอาคืน" ผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า หลายคนสงสัยว่า ภัยธรรมชาติมากมายที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2010 นี้ถือได้ว่าเป็นการเอาคืนมนุษย์ผู้ทำลายของธรรมชาติไหม

"พูดได้ครับ เพราะหลายอย่างเกี่ยวข้องกันอย่างมาก เช่น การเกิดพายุมีคนโยงว่ามันเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนที่มันทำให้สภาพโดยร่วม มันเปลี่ยนแปลงไปบ้างเลยทำให้พายุที่เกิดขึ้นมากมายในวงรอบที่มันเปลี่ยนไป หรือว่ามาเกิดในที่ที่ไม่เคยเกิดและเพิ่มดีกรีความรุนแรงอีกต่างหาก ดังนั้นจะสังเกตได้ว่าทั่วโลกกำลังพยายามรณรงค์หรือแม้กระทั่งมีข้อตกลง เพื่อแก้ไขปัญหาโลกใกล้แตกเหล่านี้ เนื่องจากไม่อยากไปให้ถึงจุดที่จะเกิดนั้นจริงๆ"

ถามว่าหากโลกใบนี้ แตก "มนุษย์จะสูญพันธุ์" ไหม ผอ.ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่ง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บอกว่า

"ถ้าวันนี้เราไม่สู้หรือไม่ทำ อะไรเลย จินตนาการที่ว่าโลกแตกมนุษย์สูญพันธุ์นั้น "มันก็เป็นไปได้..." แต่ก่อนหน้านั้นมันคงจะถึงจุดที่เราเริ่มตระหนักถึงความอันตราย และเราคงไม่งอมือ งอเท้ากันขนาดนั้นซึ่งตอนนี้ทั่วโลกก็พยายามทำกันอยู่ แต่ถ้าเราพูดในสมมติฐานว่า "ถ้าไม่ทำอะไรเลย..." ยังทำร้ายโลกกันแบบนี้ผมเชื่อว่าอีกสัก 50-60 ปีอาจจะต้องมีคนที่ต้องเสียสละ แน่นอนว่าเราอาจจะพาคนทั้ง 7 ล้านคนทั่วโลกไปด้วยไม่ได้ทั้งหมดมันอาจจะมีบางคนเท่านั้นที่ไปรอดจากภัย ธรรมชาติที่จะทำให้มนุษย์นั้นสูญพันธุ์"

แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น สิ่งสำคัญอันดับแรกที่มนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ ต้องรับมือในตอนนี้ก็คือ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และอากาศในระดับที่มันรุนแรงมากขึ้น เพราะวันนั้นเราสามารถได้เห็นประเทศอย่าง "บังกลาเทศ" หรือประเทศหมู่เกาะที่มันจมหายไปแล้ว หลายทวีปก็ส่อแววแบบนั้นเหมือนกัน

เจ้าของฉายา ด็อกเตอร์โลกร้อนย้ำว่า อีก 50 ปีจากนี้เรามีสิทธิ์เห็นสภาพบังกลาเทศ หรือประเทศจมน้ำไปแน่นอน

"ถาม ว่าแล้วประเทศไทยจะเป็นอย่างไรนับจากนี้ จริงๆ ประเทศไทยถือว่าอยู่ในกลุ่มที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างน้อย เราอาจจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ แต่เราอาจจะเห็นคนอย่างบังกลาเทศมาอยู่เมืองไทยมากขึ้น ซึ่งผลกระทบหนักๆ ไม่จำเป็นจะต้องเกิดโดยตรงๆ เช่น ถ้าวันหนึ่งประเทศไทยอาจจะผลิตข้าวให้กับโลกเท่านั้นเท่านี้ โดยอาจจะมีองค์การอาหารโลกมากำหนดไม่ใช่ผลิตไปเรื่อยๆ ตามใจประเทศเราประเทศเดียว เป็นผลกระทบทางอ้อมทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม จะมารูปแบบนี้มากขึ้นในอนาคตอันใกล้"

นอกจากนี้ผลกระทบภายในที่เรา ต้องเผชิญก็คือ ถึงวันหนึ่งประชากรเราก็จะหนาแน่นมากขึ้น ทว่าทรัพยากรที่เคยมีให้ใช้กันอย่างสุขสบายในประเทศไทยก็จะมีน้อยลงทุกที พูดง่ายๆ คือเราจะมีทางเลือกที่น้อยลงซึ่งตอนนี้เราจะต้องมาร่วมกันเพื่อหาวิธีการที่ จะทำให้คนของเราไม่เพียงแค่อยู่รอดได้ แต่ต้องอยู่รอดได้อย่างดีจากสภาวะโลกเช่นนี้

มื่อ มองว่าโลกจะต้องถึงกาลอวสานจริงๆ คำถามก็คือวันนี้ "นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก" มีการมองว่าจะทิ้งโลกที่อนาคตกำลังจะแตกเอาไว้ไหม...? ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโลกร้อนบอกว่า "มี"

"เช่น มองว่าวันหนึ่งมนุษย์โลกอาจจะต้องไปอยู่ในใต้ทะเล ซึ่งในใต้มหาสมุทรเรายังมีพื้นที่ 60-70% ของพื้นที่ผิวโลกที่เรายังใช้ประโยชน์อยู่น้อย กระทั่งมีการพูดถึงว่าการผลิตสิ่งต่างๆ อยู่ในทะเลได้หรือเปล่า แม้แต่นักวิทยาศาสตร์หลายท่านก็บอกว่าเรายังมีที่ ที่ไม่คิดว่าจะอยู่ เช่น แอนตาร์กติก ในเขตรัสเซีย ซึ่งตอนนี้เป็นที่ว่างๆ ต่อไปมันอาจจะเปิดกว้าง ต่อไปอาจจะมีเทคโนโลยีที่กระจายคนไปอยู่ตรงนั้นได้ เพราะตอนนี้คน 7 พันล้านคนทั่วโลกมันอยู่กันแบบกระจุกตัวเฉพาะบางแห่ง มันยังมีพื้นที่ที่คนอยู่น้อยเป็นจำนวนมาก แต่ ณ วันนี้ เรายังไม่มีวิธีการที่จะไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างมีความสุข"

สุดท้าย เมื่อถึงวันที่คนส่วนหนึ่งจะต้องเสียสละ ถามว่าแล้วประเทศไทยจะรอดกฎคัดสรรโดยธรรมชาติไหม

"มอง ได้หลายแนวทาง ถ้าระบบประเทศยังมีอยู่ เรายังสามารถควบคุมพื้นที่ประเทศได้ เราก็จะเป็นประเทศที่ไม่โดนคัดออกผมเชื่อแบบนั้นเพราะประเทศไทยมีสิ่งที่ อุดมสมบูรณ์มากมายแต่ถ้ามองต่อไปว่าวันหนึ่งเราอาจจะต้องพบกับระบบของคำว่า "ขอบเขตประเทศไม่มี" คือโลกเราเป็นเนื้อเดียวกัน หมายถึงมันมี "รัฐบาลโลก" ทุกคนเป็นประชาชนของโลกไม่มีคำว่า "ประเทศอีกต่อไป" ประเทศไทยจะลำบาก เพราะว่าที่เราอยู่ได้เพราะประเทศไทยเป็นของเรา ถ้าเผื่อใครมาอยู่ก็ได้ มาบริหารประเทศไทยได้ ประเทศไทยจะสูญพันธุ์"

วันนี้ประเทศที่อุดม สมบูรณ์จึงกลายเป็นที่ที่หลายประเทศหมายปองที่จะเข้ามา ดังนั้นเราจะใช้แนวความคิดเดิมๆ แก้ปัญหาโลกไม่ได้ เช่นการใช้ถุงโลกร้อน หรือสร้างเขื่อนกั้นน้ำตรงไหนดี เราต้องไปไกลกว่านั้น เราจะเตรียมรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านอื่นๆ ที่มันจะมาเป็นลูกพ่วงกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอีกเยอะแยะ ซึ่งตอนนี้ยังทัน แต่เราต้องเริ่มคิด เรามองให้ไกล ถ้าเรายังมองแบบเดิมๆ เราจะโดนคัดออกแน่นอน...ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโลกชื่อดัง กล่าวสรุป.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
  • 1 มกราคม 2554, 13:00 น.


--

วันเด็กปีนี้ เดอะมอลล์ มีกิจกรรมความรู้ให้เด็กเพียบ




วันเด็กปีนี้ เดอะมอลล์ มีกิจกรรมความรู้ให้เด็กเพียบ

Pic_138729

วัน เด็กแห่งชาติประจำปี 2554 รัฐบาลได้มอบคำขวัญว่า "รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ" โดย ปีนี้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างใจดีสรรหากิจกรรมสนุกๆแถมมีสาระมอบเป็นของ ขวัญให้เยาวชนของชาติกันอย่างครึกครื้น ประเดิมด้วยผู้ใหญ่ใจดีจากค่ายเดอะมอลล์ กรุ๊ป "ชำนาญ เมธปรีชากุล" ร่วมกับ จังหวัดนนทบุรี, การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย, บริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด และบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด จัดกิจกรรมวันเด็กระหว่างวันที่ 8-9 ม.ค. ภายใต้ แนวคิด "The Mall Kid's Funtasia" เปิดโอกาสให้ เด็กๆได้สนุกกับการเล่นที่แฝงการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ โดยเนื้อหาของกิจกรรมแบ่งเป็น 3 เรื่องหลัก ได้แก่ กิจกรรมสร้างสรรค์เชิงวัฒนธรรม, กิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม และกิจกรรมบันเทิงสันทนาการ


ใน ส่วนของกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม จัดที่ห้องเอ็มซีซี ชั้น 4 เดอะมอลล์งามวงศ์วาน เป็นการรวบรวมกิจกรรม ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมอาหารไทย เช่น เวิร์กช็อปให้เด็กๆได้ทำขนมไทย, วัฒนธรรมอาชีพท้องถิ่น เช่น กิจกรรมการปั้นเครื่องดินเผา ตลอดจนการจำลองชีวิตความเป็นอยู่ในท้องถิ่นจังหวัดนนทบุรีมาให้เด็กๆได้ สัมผัส อาทิ รถยนต์โบราณ, รถสามล้อโบราณ เป็นต้น


สำหรับ เดอะมอลล์ บางแค เน้นการสร้างแนวคิดเรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กๆ เป็นการจำลองรูปแบบเส้นทางของรถไฟฟ้าสายใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้น พร้อมความรู้ด้านวิวัฒนาการเรื่อง การประหยัดพลังงานของรถไฟฟ้า ขณะที่เดอะมอลล์ นครราชสีมา มีนิทรรศการ ให้ความรู้เรื่องดาราศาสตร์ นิทรรศการพลังงานกู้วิกฤติไทย ให้เด็กๆได้เรียนรู้ รวมถึงแผนก Kid's Planet เดอะมอลล์ ทุกสาขา ก็มีกิจกรรม Kid's Planet The Imaginary Garden ให้เด็กๆมาร่วมสนุกและถ่ายภาพกับสวนแห่งจินตนาการ    ตลอดจนกิจกรรมสนุกๆสำหรับเด็กอีกมากมาย


ปิด ท้ายด้วยกิจกรรม สันทนาการ ที่เดอะมอลล์ บางกะปิ โดยการจำลองบรรยากาศของเกาะโจรสลัด เขาวงกต ในรูปแบบ Pirate of the Caribbean พร้อมตัวการ์ตูนมากมายมาร่วมสร้างความสนุกในกิจกรรมต่างๆ เช่น การเล่านิทานหุ่น, การเล่นเกม ฯลฯ
http://www.thairath.co.th/content/life/138729